ตอนที่ 11 ฟ้าดิน แกล้งเราหรือ

จาก love no condition


26 มี.ค.2538 ณ โคกอิโด่ย
ถึงคุณอันเป็นที่รัก
คุณคะ ความสุขในชีวิตของฉัน มันหมดลงตั้งแต่เมื่อวาน วันที่ 25มี.ค.2538 ฉันไม่น่ามารับรู้เหล่านี้เลย มันเป็นเรื่องบังเอิญ ที่ฉันต้องรับรู้ แต่มันหมายถึงชะตาชีวิตของเราสองคน ฉันไม่แน่ใจว่า คุณจะยอมรับเรื่องราวได้มากน้อยแค่ไหน แต่อย่างไรก็ต้องบอกคุณ นับตั้งแต่ที่ฉันรู้เรื่อง ฉันร้องไห้ตลอดตอนฉันอยู่คนเดียว เชื่อเถอะที่รัก มันเป็นเช่นนั้นจริงๆแม้แต่ตอนนี้ฉันก็ไม่สามารถหยุดน้ำตาที่มันไหลออกมาได้ ฉันไม่รู้จะบอกคุณยังไงดี ความจริงฉันไม่อยากบอกคุณทางจดหมาย ฉันอยากบอกต่อหน้าคุณเลย เราจะได้มองเห็นหน้าซึ่งกันและกัน และคุณจะได้เห็นความแน่วแน่ในสายตาของฉันที่มองแต่คุณ มีแต่คุณคนเดียว ถึงคุณอยากรู้หรือไม่อยากรู้ ฉันก็ต้องบอกคุณค่ะ ทำใจหน่อยนะคะ มันเป็นเรื่องที่ทำร้ายความรู้สึกมาก มากที่สุดตั้งแต่ฉันเกิดมา ความเจ็บปวดที่ได้รับอยู่นี้ ฉันยังนึกไม่ออกว่า ฉันจะหยุดยั้งมันได้อย่างไร วันเวลาที่เหลืออยู่ เราสองคนจะทำอย่างไรดี ฉันเกริ่นเยอะไปหน่อยนะคะที่รัก เพราะฉันต้องให้คุณทำใจ มันเป็นเรื่องราวที่คุณเชื่อยาก แต่บังเอิญ พ่อแม่ ญาติๆของฉันเชื่อ และเชื่อมากๆด้วย พวกเขาคงไม่ยอมสูญเสียฉันอย่างแน่นอน ฉันเริ่มเลยนะคะ
เป็นเรื่องราวของดวงชะตา ตามความเชื่อของญาติฉัน เขาบอกว่าคนที่จะใชชีวิตอยู่ร่วมกัน เป็นสามีภรรยากันนั้น เลขรวมปีเกิดตามปีของไทย เช่นปีชวดเท่ากับหนึ่ง ปีฉลูเท่ากับสอง ปีขาลเท่ากับ เป็นต้น เลขปีของสามีภรรยารวมกันต้องเป็นเลขคู่เสมอ หากเป็นเลขคี่ ชีวิตจะเจอแต่มรสุมร้าย ฉันใช้คำนี้เลยนะคะ ถ้าไม่ตายจากกัน ก็มีอันต้องหย่าร้าง หรือไม่หย่าร้างก็มีปัญหารุมเร้าตลอด มีตัวอย่างเป็นร้อยๆคู่ และในจำนวนนั้นก็เป็นคนใกล้ตัวของฉัน อย่างพี่สาวฉัน เจ๊ตุ๊กับพี่ต้อย แต่งงานกันตอนฉันอยู่ปีหนึ่ง รักกันมาสามีปี เขารักกันมาก พี่ต้อยก็เป็นคนดีมากๆคนหนึ่ง แต่เลขปีของเขารวมกันแล้วได้ห้าเป็นเลขคี่ ตอนนี้หย่ากันไปแล้ว พีเขียวแต่งงานกับพี่ลักษณ์ เลขปีรวมกันได้สาม เป็นเลขคี่ มีลูกสองคน เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์จนเสียชีวิต ถ้าเลขปีรวมกันเป็นเลขคี่ ยิ่งน้อยยิ่งร้ายแรง แม่บอกว่าไม่มีใครกล้าเสี่ยงแต่งงานกันถ้าเลขปีรวมกันแล้วเศษเป็นหนึ่ง เพราะถ้าไม่เป็นเขาก็ต้องเป็นเรา ที่ต้องตาย พ่อก็ยืนยันอย่างแข็งขัน บอกว่าจะอย่างไรพ่อคงไม่ยอม ถ้าลูกจะต้องแต่งงานกับคนที่เลขปี รวมกันเป็นเศษคี่
เชื่อไหมคะที่รัก ฟ้าดินแกล้งเราแท้ๆ ฉันเกิดปีชวดเท่ากับเลขหนึ่ง คุณเกิดปีระกาเลขสิบ รวมกันเศษเป็นหนึ่ง เป็นเลขคี่ ฉันพยายามนับใหม่ไม่รู้กี่ร้อยกี่พันครั้งแล้วค่ะ ผลมันก็ออกมาเหมือนเดิม ฉันเกือบเป็นลม
คุณคะ ที่รักคะ นี่เป็นเวรเป็นกรรมอะไรของเราคะ แล้วอนาคตที่เราสองคนฝันเอาไว้ล่ะชื่อของลูกที่เราตั้งกันไว้ บ้านหลังเล็กที่เราจะออกแบบเอง และร่วมกันควบคุมการก่อสร้างเอง อีกเจ็ดปีข้างหน้า ที่เราบอกกันว่าพร้อมจะใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน ตื่นขึ้นมาเราต้องเจอกัน มันจะต้องพังทลายลงไปหมด อย่างนั้นหรือ
มันเจ็บปวดมากนะคะที่รัก คุณคงเจ็บปวดมากขึ้น หากฉันบอกกับคุณตอนนี้ว่า ฉันตัดสินใจเลือกคุณมานานแล้ว ถึงแม้ว่าปากฉันบอกว่าไม่แน่ เพราะฉันไม่อยากให้คุณเสียใจ แต่ตอนนี้ฉันอยากบอกคุณว่า ฉันรักคุณ รักมาก รักเท่าที่ผู้หญิงคนหนึ่งรักผู้ชายอีกคนหนึ่ง และยอมรับที่จะได้เขามาเป็นผู้นำของครอบครัว คุณคือผู้ชายในอุดมคติของฉันทุกอย่างไม่มีข้อยกเว้น คุณคือความฝันอันแสนสวยงามของฉันตลอดเวลา คุณคืออนาคตทั้งหมดที่ฉันมี ฉันถึงได้บอกคุณไงคะว่า หลังจากฉันรู้เรื่องตั้งแต่เมื่อวาน ความสุขในชีวิตฉันหมดลงไปแล้ว ไม่เหลือแล้ว หมดลงไปอย่างสิ้นเชิง ฉันนึกไม่ออกเลยว่านับจากนี้ไป ฉันจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร ตอนนี้ฉันไม่ต่างกับร่างที่ไร้ชีวิต ฉันอยู่เพียงเพราะมีหน้าที่ ที่ต้องทำ ฉันอยากไปหาคุณตอนนี้เลย แต่ฉันทำไม่ได้ เพราะฉันมีพ่อแม่ ที่คอยห่วงใยฉันอยู่
ที่รักคะ เมื่อคุณรู้เรื่องแล้ว คุณคิดว่าเราควรจะทำอย่างไรดีคะ คบกันอย่างนี้ต่อไปเพื่อรอวันจากกันตลอดชีวิตเหรอคะ หรือแยกทางกันเดินตั้งแต่วันนี้ เพื่อที่จะเจ็บปวดในวันหน้า ฉันไม่ต้องการทั้งสองอย่างที่พูดมา แต่ถ้าหากเรายังดื้อดึงที่จะอยู่ด้วยกันตลอดไป หากในอนาคต คนใดคนหนึ่งต้องตายจากกันไป แล้วคนที่เหลืออยู่ จะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไรคะ แต่หากเราต้องจากกันทั้งๆที่มีชีวิตอยู่ทั้งคู่ ฉันนึกไม่ออกเลยว่า ความเจ็บปวดอย่างไหนมันจะเบาบางกว่ากัน
ที่รักคะ ฉันอยากให้คุณเข้าใจ อยากให้คุณกับฉันช่วยกัน คิดว่า เราจะใช้วันเวลาที่เหลืออยู่อย่างไร ให้คุ้มค้าที่สุด อยู่ด้วยกันให้นานที่สุด โดยไม่ต้องตายจากกัน เพราะฉันยังเชื่อว่า การที่คนเรายังมีชีวิตอยู่ เห็นกันบ้าง ได้พูดคุยกันบ้าง ถึงแม้จะไม่ได้แต่งงานกัน ยังดีกว่าตายจากกันนะคะ
รักคุณมากเท่าๆกับรักตัวฉันเอง
เพราะฉันไม่เคยรักใครมากกว่าฉัน
จากภรรยาของคุณ

เพื่อคนที่ฉันรัก ตอนที่ 12

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น